เฉิงตู, 29 เม.ย. (ซินหัว) -- ณ ย่านชานเมืองของอำเภอเฮยสุ่ย แคว้นปกครองตนเองอาป้า กลุ่มชาติพันธุ์ทิเบตและเชียง มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน จาซี ชายชาวทิเบตวัย 34 ปี ได้เพิ่มเมนูอาหารไทยเข้าสู่รายการอาหารของโฮมสเตย์อวิ๋นหูที่อยู่ไม่ไกลจากธารน้ำแข็งอายุน้อยที่สุดในโลกอย่าง "ธารน้ำแข็งต๋ากู่" รวมถึงยอดเขาหิมะ ป่าไม้หลากสีสัน และทะเลสาบบนที่ราบสูง ซึ่งเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเยือนทุกปี
แม้โฮมสเตย์อวิ๋นหูของจาซีมีห้องพักเพียง 9 ห้อง แต่กลับถูกจับจองจนเต็มเกือบทุกวัน โดยแขกผู้เข้าพักส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากหน้าหลายตา รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยที่กลายเป็นแหล่งลูกค้าหลักตั้งแต่เริ่มต้นปีนี้ ซึ่งข้อมูลสถิติพบว่าพื้นที่ชมวิวธารน้ำแข็งต๋ากู่ได้รับรองนักท่องเที่ยวชาวไทยในปี 2025 จำนวน 18,071 คนแล้ว เมื่อนับถึงวันที่ 27 เม.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 7 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การเติบโตแบบก้าวกระโดดของลูกค้าชาวไทยทำให้จาซีไม่ทันตั้งตัวในทีแรก แต่เขาสามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือจากซอฟต์แวร์พลังปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งช่วยจาซีตอบกลับความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์มจองห้องพัก รวมถึงสื่อสารต่อหน้ากับแขกผู้เข้าพัก โดยเขาเสริมว่ารอยยิ้มที่จริงใจเป็นภาษาสากล บวกกับเทคโนโลยีล้ำสมัยในปัจจุบัน ทำให้ไม่มีอุปสรรคในการสื่อสารอีกต่อไป
ทั้งนี้ ไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเนิ่นนาน โดย "แฟนคลับเมืองไทย" บางส่วนในเมืองเฉิงตูของมณฑลซื่อชวนเปรียบเปรยภูเก็ต เชียงใหม่ และอีกหลายจังหวัดของไทยว่าเป็น "สวนหลังบ้านของเฉิงตู" ขณะข้อตกลงยกเว้นวีซ่าแก่ผู้ถือหนังสือเดินทางทั่วไปซึ่งกันและกันระหว่างจีนกับไทยตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2024 ผลักดันให้ชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พรรณลักษณ์ วุฒิไกร และพิมพ์นนิภา อภินรเศรษฐ์ เป็นสองนักท่องเที่ยวชาวไทยจากกรุงเทพฯ ที่มาพักพิงโฮมสเตย์อวิ๋นหูในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลินี้ ซึ่งเป็นการเดินทางมาท่องเที่ยวจีน ครั้งที่ 2 ของทั้งคู่ โดยพรรณลักษณ์ให้สัมภาษณ์ว่าไทยเป็นเมืองร้อน การมาเที่ยวเมืองนอกเพื่อชมวิวภูเขาหิมะจึงเป็นความฝันของใครหลายคน เมื่อก่อนนักท่องเที่ยวชาวไทยมักเลือกเดินทางไปสัมผัสหิมะที่ญี่ปุ่น แต่พอมีการยกเว้นวีซ่า เพื่อนๆ รอบตัวต่างมองจีนเป็นตัวเลือกแรกแทน
พิมพ์นนิภาเล่าว่าเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ มาเฉิงตูใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง คุ้มค่าทั้งเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย เฉิงตูมีความทันสมัยสูงแต่ขณะเดียวกันยังคงรักษาธรรมเนียมประเพณีและเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นเอาไว้ได้มากมาย เดินทางออกจากเมืองเฉิงตูไป 3 ชั่วโมงก็ได้เห็นธารน้ำแข็งและชมวิวเห็นภูเขาหิมะที่สูงกว่า 5,000 เมตร
จาซีทิ้งท้ายว่าเขาวางแผนเดินทางเยือนไทยเพื่อศึกษาธรรมเนียมประเพณีและพฤติกรรมการบริโภคในท้องถิ่น เผื่อนำกลับมาพัฒนาปรับปรุงโฮมสเตย์อวิ๋นหูของเขาให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวไทยได้ดียิ่งขึ้นในอนาคตข้างหน้า
(แฟ้มภาพซินหัว : นักท่องเที่ยวชาวไทยถ่ายรูปบนธารน้ำแข็งต๋ากู่ในอำเภอเฮยสุ่ย แคว้นปกครองตนเองอาป้า กลุ่มชาติพันธุ์ทิเบตและเชียง มณฑลซื่อชวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน)
(แฟ้มภาพซินหัว : "โฮมสเตย์อวิ๋นหู" ในอำเภอเฮยสุ่ย แคว้นปกครองตนเองอาป้า กลุ่มชาติพันธุ์ทิเบตและเชียง มณฑลซื่อชวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน)
(แฟ้มภาพซินหัว : พื้นที่ชมวิวธารน้ำแข็งต๋ากู่ในอำเภอเฮยสุ่ย แคว้นปกครองตนเองอาป้า กลุ่มชาติพันธุ์ทิเบตและเชียง มณฑลซื่อชวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน)
(แฟ้มภาพซินหัว : ทิวทัศน์พื้นที่ชมวิวธารน้ำแข็งต๋ากู่ในอำเภอเฮยสุ่ย แคว้นปกครองตนเองอาป้า กลุ่มชาติพันธุ์ทิเบตและเชียง มณฑลซื่อชวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน)
(แฟ้มภาพซินหัว : นักท่องเที่ยวชาวไทยถ่ายรูปบนธารน้ำแข็งต๋ากู่ในอำเภอเฮยสุ่ย แคว้นปกครองตนเองอาป้า กลุ่มชาติพันธุ์ทิเบตและเชียง มณฑลซื่อชวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน)